OEM , ODM สิ่งที่คนทำแบรนด์ต้องรู้!

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้จะเห็นได้เลยว่ามีคนหันมาสนใจทำแบรนด์สินค้าเป็นของตัวมากขึ้น แม้แต่เหล่าดารา นักแสดง ศิลปิน เซเลป หรือเน็ตไอดอลทั้งหลายต่างก็พร้อมใจกันหันมามีสินค้าเป็นชื่อแบรนด์ตัวเองกันทั้งนั้น ซึ่งสินค้าที่คนส่วนใหญ่หันมาสนใจทำกันเยอะก็หนีไม่พ้นสินค้าประเภท เครื่องสำอาง สกินแคร์ อาหารเสริม หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงาม
 

โดยปัจจุบันนี้การสร้างสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์ตัวเองไม่ได้ยุ่งยาก และไม่จำเป็นต้องสร้างโรงงานเองแล้ว  เพราะมีโรงงานที่รับผลิตสินค้าแบบนี้อยู่เยอะแยะมาก แบบที่มีสูตรให้เรียบร้อยครบถ้วน หรือต้องการพัฒนาสูตรเองก็ยังได้ สำหรับคนที่สนใจอยากมีสินค้าเป็นของตัวเอง เบื้องต้นขอแนะนำให้รู้จักกับ 2 คำนี้ก่อนเลย คือ OEM และ ODM ว่าทั้ง 2 คำนี้หมายถึงอะไรในด้านการทำแบรนด์

OEM หรือ Original Equipment Manufacturer เป็นการรับผลิตสินค้าให้กับผู้ที่สนใจอยากมีสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์ตัวเอง โดยใช้กระบวนการผลิตของโรงงานตั้งแต่ฝ่ายผลิตไปจนถึงขั้นใช้เครื่องจักรต่างๆ ในการผลิต ตอบโจทย์สำหรับลูกค้าที่สนใจอยากมีสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์ตัวเอง แต่ไม่จำเป็นถึงขั้นลงทุนสร้างโรงงานหรือซื้อเครื่องจักรในการผลิตสินค้าเอง ซึ่งรูปแบบนี้ลูกค้าจะสามารถมีส่วนร่วมตั้งแต่การคิดค้นสูตรจนไปถึงการออกแบบแพ็คเกจสินค้าด้วย เรียกได้ว่า ลูกค้าจะมีส่วนรวมตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนนำไปวางจำหน่าย
ข้อดีและข้อเสียของการทำ OEM
ข้อดี
- สามารถออกแบบ รูปแบบของสินค้าได้ โดยระบุความต้องการให้โรงงานทราบเท่านั้น
- เป็นสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์ของตัวเองไม่ซ้ำใคร
- ไม่จำเป็นต้องสร้างโรงงานเป็นของตัวเอง
- มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา รวมถึงคอยดูแลการผลิตให้
ข้อเสีย
- จำนวนขั้นต่ำในการผลิตอาจจะค่อนข้างสูง สำหรับผู้ที่จะเริ่มต้นหากมีแผนการตลาดและช่องทางการขายรองรับให้ดีจะสามารถลดความเสี่ยงได้
- ใช้เวลาค่อนข้างนาน นับตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ออกแบบจนเป็นสินค้าพร้อมจำหน่าย


ODM หรือ Original Design Manufacturer โรงงานจะมีผลิตสินค้าไว้เรียบร้อยแล้ว โดยที่ลูกค้าสามารถเข้ามาปรึกษาหรือบอกความต้องการของสินค้าได้เลย เมื่อทราบแล้วทางโรงงานจะนำแบรนด์ที่ทำไว้เสร็จเรียบร้อยมานำเสนอ เช่น
แบรนด์ A เป็นสินค้าครีมกันแดดแบบหลอด ชื่อสินค้า ABC Sun Screen และ แบรนด์ B เป็นสินค้า สเปรย์กันแดดแบบขวด ชื่อสินค้า DEF Sun Spray ดังนั้นทำให้ลูกค้าสามารถเลือกได้เลยว่าต้องการแบรนด์ A หรือแบรนด์ B หลังจากลูกค้าเลือกได้เรียบร้อยแล้ว ลูกค้ามีหน้าที่แค่นำสินค้าที่ผลิตได้ไปทำการขายและกระจายสินค้าสู่ตลาดเองเท่านั้น
ข้อดีและข้อเสียของการทำ ODM
ข้อดี
- สินค้าพร้อมจำหน่ายได้เลย
- ลดขั้นตอนและระยะเวลาในการผลิต
- ไม่จำเป็นต้องสั่งผลิตเป็นจำนวนมาก
- สามารถต่อรองปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำได้
- ไม่จำเป็นต้องสร้างโรงงานเป็นของตัวเอง
- มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา รวมถึงคอยดูแลการผลิตให้
ข้อเสีย
- ไม่ได้เป็นแบรนด์ของตัวเอง
- มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายการผลิตสูงกว่า OEM เนื่องจากเป็นสินค้าพร้อมจำหน่าย
 

จากที่กล่าวไปข้างต้นเป็นการให้เห็นว่าการผลิตแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร รวมไปถึงให้เห็นถึงภาพรวมคร่าวๆ จึงทำให้สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจได้ว่าจะเลือกใช้การผลิตประเภทใด แต่ที่สำคัญขอให้ตรวจสอบให้มั่นใจว่าโรงงานดังกล่าวนั้นได้มาตรฐานและมีคุณภาพ เพื่อให้สินค้าที่ทำการผลิตออกมานั้นน่าเชื่อถือ