บทความ

ระวัง! 4 สารอันตราย ห้ามใส่ในเครื่องสำอาง

28พฤศจิกายน

3,510 views | Share

ระวัง! 4 สารอันตราย ห้ามใส่ในเครื่องสำอาง

เราคงได้ยินข่าว “หน้าพัง” จากการใช้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์กันหลายครั้ง หรือตามสื่อออนไลน์ที่มีคนมารีวิวถึงการใช้ครีมบางตัวแล้วหน้าพัง โดยสาเหตุก็อาจมีได้หลายอย่าง อาจจะเป็นคนที่มีผิวหน้าแพ้ง่าย แพ้สารบางตัวในครีมนั้นๆ ซื้อสินค้าปลอมแต่ไม่รู้ว่าเป็นของปลอม หรืออาจมาจากการที่มีสารเคมีต้องห้ามบางชนิดเป็นส่วนประกอบหนึ่งในเครื่องสำอางนั้นๆ ก็ได้


ซึ่งในประเทศไทยเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ทั้งหลายจะต้องผ่าน อย. “สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา” ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อต้องมีการผ่านจาก อย. ก็ทำให้เกิดมีการทำสินค้าปลอมขึ้นมา โดยมีการทำสัญลักษณ์ อย. ปลอม! ซึ่งบางคนก็ดูไม่ออกว่าสินค้าตัวไหนของจริงหรือของปลอม ดังนั้นเบื้องต้นสิ่งที่อยากให้ทุกคนรู้เลยว่าสารอันตรายที่ห้ามใส่ในเครื่องสำอางหรือสกินแคร์มีอะไรบ้าง และหากผิวแพ้จะมีอาการข้างเคียงอย่างไร  



1. ปรอท (
Mercury) 

คุณสมบัติที่ดึงดูดให้อยากใช้สินค้าที่มีสารปรอทคือ ผิวขาวไว ไร้สิว เพราะปรอทเป็นสารเคมีที่ช่วยทำให้หน้าขาวได้แบบทันใจ! โดยส่วนใหญ่สินค้าที่ทำให้หน้าพังมาจากการใส่ปรอทลงไปในปริมาณที่เกินกว่ากำหนด ซึ่งในปัจจุบันนี้กระทรงสาธารณสุขประกาศให้ปรอทเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอางตั้งแต่ พ.ศ. 2532
ผลข้างเคียง : สารปรอทจะทำให้ผิวแพ้ง่าย ผื่นแดง เกิดฝ้าถาวร ผิวบางและอ่อนแอลง และเมื่อใช้ติดต่อกันจะทำให้เกิดการสะสมสารพิษในผิวหนัง จนเกิดการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้มีผลต่อการทำงานของตับ ไต เกิดโรคโลหิตจาง
 

2. ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)

คุณสมบัติของสารตัวนี้จะช่วยในเรื่องการรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำให้จางลง ซึ่งไฮโดรวิโนนจัดเป็นยาอันตรายที่มีแนวโน้มทำให้เกิดภาวะผิวอักเสบ
ผลข้างเคียง : จะเกิดอาการแสบร้อนในบริเวณที่ทา และเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานก็อาจทำให้เกิดฝ้าถาวรได้!
อย่างไรก็ตาม ไฮโดรควิโนนยังถูกใช้เป็นยาเพื่อรักษาผิวหน้าจริง แต่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์
 
3. สเตียรอยด์ (Steriod)

เรียกได้ว่าเป็นสารยอดนิยม มีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวหน้าขาวใส ซึ่งในวงการแพทย์จะนำสเตียรอยด์มาใช้รักษาอาการเจ็บป่วย และเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาได้ดี
ผลข้างเคียง : การใช้ยาสเตียรอยด์ที่มีความเข้มข้นสูง ใช้ผิดวิธี และใช้เป็นระยะเวลานาน ก็ส่งผลให้เกิดผดผื่น ผิวหน้าบางลง จนทำให้เห็นเส้นเลือดตามใบหน้าได้ชัดขึ้น ซึ่งการที่ผิวหน้าบางลงก็จะทำให้ผิวบอบบางและแพ้ได้ง่ายขึ้น
 

4. กรดเรติโนอิก (Retinoic acid)

คุณสมบัติของกรดนี้คือ ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดรอยดำของผิวหนัง ซึ่งกรดเรติโนอิกยังได้ถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติของไทย และระบุเป็นยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลันชนิดเอ็ม 3
ผลข้างเคียง : เมื่อใช้ยานี้นานๆ จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ผิวอักเสบ ผิวบางลง แพ้แสงแดดได้ง่าย
 

ขอบคุณ med.mahidol.ac.th


MAY YOU ALSO LIKE

ให้ SLC Inter Lab ได้ร่วมสร้างโอกาสแห่งความสำเร็จ
ให้คุณได้เป็นเจ้าของธุรกิจที่คุณต้องการ
ติดต่อเรา