อายุมากขึ้น ผิวก็เกิดปัญหาได้ง่ายขึ้น
โดยปกติตามธรรมชาติของเรา ผิวหนังเราจะมีต่อมไขมันที่คอยผลิตน้ำมันหรือที่เรียกว่า Sebum ให้เคลือบผิว เพื่อคอยรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แต่เมื่อเรามีอายุมากขึ้น การผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันบริเวณผิวหนังจะลดลง ทำให้เป็นสาเหตุเกิดผิวที่แห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น จนเกิดเป็นริ้วรอย
ซึ่งในน้ำมันโจโจ้บามีลักษณะที่ใกล้เคียงกับน้ำมันที่ผิวหนังเราผลิตขึ้นเอง ทำให้น้ำมันโจโจ้ให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนังได้ดี นอกจากนี้น้ำมันโจโจ้บามีค่า Comedogenic rate ที่ต่ำ (Comedogenic Rate คือ การบอกค่าของสารแต่ละตัวว่าก่อให้เกิดสิวมากน้อยเพียงใด) ที่ทำให้อัตราการเกิดสิวอุดตันน้อย และยังช่วยปรับสมดุลการสร้างน้ำมันบนใบหน้าของคนผิวมัน ที่มีการผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป

น้ำมันโจโจ้บา (Jojoba oil) มีลักษณะเป็นสีเหลืองทอง สกัดมาจากเมล็ดของต้น Simmondsia chinensis (Jojoba) ที่เป็นพืชพื้นเมืองของอเมริกาในแถบอาริโซนา และแคลิฟอร์เนีย ในน้ำมันโจโจ้บามีแร่ธาตุทองแดง โครเมียม ไอโอดีน ซิลิคอน สังกะสี วิตามินอี และวิตามินบีรวม
น้ำมันโจโจ้บาเป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสูงที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตั้งแต่เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว จนไปถึงเวชสำอางค์ โดยน้ำมันโจโจ้บามีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวนุ่ม รักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง โดยไม่ทำให้ผิวมีความเหนอะหนะ ช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นแห่งวัย ความพิเศษของน้ำมันโจโจ้บาคือสามารถซึมซาบถึงชั้นผิวหนังกำพร้าได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่เรื่องผิวหนัง น้ำมันโจโจ้บายังช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะได้อีกด้วย ช่วยทำให้เส้นผมสลวยขึ้น
ประโยชน์ของน้ำมันโจโจ้บา
-
รักษาความชุ่มชื้นของผิว
-
ลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นแห่งวัย
-
ช่วยในการสมานแผล และทำให้รอยแผลเป็นจางลง
-
ปรับความสมดุลของน้ำมันบนผิวได้ดี
-
ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง
-
ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ
-
ฟื้นฟูผิวหลังถูกแสงแดด
ขอขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก articarethailand.blogspot.com